กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
☆ ทำไมต้องมีการออกกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ ?
สังคมสารสนเทศเป็นสังคมใหม่ การอยู่ร่วมกันในสังคมสารสนเทศ จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ เพื่อการ อยู่ร่วมกันโดยสันติและสงบสุข เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ทุกวันนี้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาท ในชีวิตประจำวันมีการใช้คอมพิวเตอร์ และระบบสื่อสารกันมาก ขณะเดียวกันก็มีผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในทางที่ไม่ถูก ไม่ควร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ และเมื่อมีกฎหมายแล้ว ผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจะปฏิเสธ ความผิดว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้
☆ กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทยเริ่มวันที่ 15 ธันวาคม 2541 โดยคณะ กรรมการ
เทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ (กทสช) ได้ท าการศึกษาและยกร่างกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน6 ฉบับ (ดูทั้งหมดคลิ๊กที่นี่)
☆ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ผ่านการเห็นชอบจาก
สภานิติบัญญัติ การลงพระปรมาภิไธย และการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อ 18 มิถุนายน
พ.ศ. 2550 และจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 เป็ นต้นไป ดังนั้นผู้ใช้คอมพิวเตอร์
อินเทอร์เน็ตโดยทั่วไป ผู้ให้บริการ ซึ่งรวมไปถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เปิดบริการอินเทอร์เน็ตให้แก่ผู้อื่นหรือ
กลุ่มพนักงานนักศึกษาในองค์กร ควรทราบถึงรายละเอียดของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิด
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 โดยประเทศไทยได้มีการบังคับใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
☆ อาชญากรรมคอมพิวเตอร์
ความหมายของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ มี 2 ประการ ได้แก่
1. การกระทำใด ๆ ก็ตาม ที่เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันทำให้เหยื่อได้รับความเสียหาย และทำให้ผู้กระทำได้รับผลตอบแทน
2. การกระทำผิดกฎหมายใด ๆ ซึ่งจะต้องใช้ความรู้เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ มาประกอบการกระผิด และต้องใช้ผู้มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์ ในการสืบสวน ติดตาม รวบรวมหลักฐาน เพื่อการด าเนินคดี จับกุม
อาชญากรคอมพิวเตอร์จะก่ออาชญากรรมหลายรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกจัดออกเป็ น 9 ประเภท (ตามข้อมูลคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจร่างกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์)
1. การขโมยข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งรวมถึงการขโมยประโยชน์ในการลักลอบใช้บริการ
2. อาชญากรนำเอาระบบการสื่อสารมาปกปิดความผิดของตนเอง
3. การละเมิดสิทธิ์ปลอมแปรงรูปแบบ เลียนแบบระบบซอฟต์แวร์โดยมิชอบ
4. ใช้คอมพิวเตอร์แพร่ภาพ เสียง ลามก อนาจาร และข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
5. ใช้คอมพิวเตอร์ฟอกเงิน
6. อันธพาลทางคอมพิวเตอร์ที่เช้าไปก่อกวน ทำลายระบบสาธารณูปโภค เช่น ระบบจ่ายน้ำจ่าย
ไฟ ระบบการจราจร
7. หลอกลวงให้ร่วมค้าขายหรือลงทุนปลอม
8. แทรกแซงข้อมูลแล้วนำข้อมูลนั้นมาเป็นระโยชน์ต่อตนโดยมิชอบ เช่น ลักลอบค้นหารหัสบัตร
เครดิตของผู้อื่นมาใช้ ดักข้อมูลทางการค้าเพื่อเอาผลประโยชน์นั้นเป็นของตน
9. ใช้คอมพิวเตอร์แอบโอนเงินบัญชีผู้อื่นเข้าบัญชีตัวเอง
◣◥ กรณีศึกษาอาชญากรรมและกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
█████ โหลดโปรแกรมหรือเพลงทางอินเทอร์เน็ตผิดกฎหมายหรือเปล่า? ████
การ Download โปรแกรมทางอินเทอร์เน็ตมาใช้งานแบบถูกต้องตามกฎหมายโดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ ก็ตอ่ เมื่อโปรแกรมที่ผ้ใช้ Download มาใช้นั้น ถูกระบุว่าเป็ นประเภท Freeware, Shareware สำหรับการโหลดเพลงทางอินเทอร์เน็ตสามารถทำได้โดยไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หากได้รับอนญุ าตแต่โดยทั่วไปแล้วค่ายเพลงมักจะไม่อนุญาต ยกเว้นจะทำเพื่อการค้า ส่วนการ Upload เพลงขึ้นบนอินเทอร์เน็ตให้คนทวั่ ไปโหลดได้ฟรี ๆ เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นคดีอาญา
█████ ซื้อโปรแกรมลิขสิทธิ์มา copy แจกเพื่อนได้หรือเปล่า? ██████
การทำ สำเนาหรือการ copy โปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น ตามกฎหมายลิขสิทธิ์เขาเรียกว่า การทำซ้ำซึ่ง ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้กฎหมายเขาจะมีข้อยกเว้นให้การทำสำเนาโดยเจ้าของโปรแกรมมีลิขสิทธิ์ ทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่กฎหมายเขาจำกัดจ านวนสำเนาว่า ให้มีจำนวนตามสมควรเพื่อวัตถุประสงค์ในการบา รุงรักษาหรือป้องกันการสูญหาย คือทำสำเนาได้เฉพาะ backup ถ้าจะมา copy แจกเพื่อน ๆ ทัั้ง office ก็ถือว่ามีความผิดในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ
◣◥ ตัวอย่างลักษณะความผิดที่พบได้บ่อยในปัจจุบันสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต
1. การส่งเมล์ก่อกวนหรือโฆษณาขายสินค้าหรือขายบริการ ประเภทป๊อปอัพ หรือพวกส่งอีเมล์ขยะ
ที่เขาไม่ต้องการมีโทษปรับอย่างเดียวไม่เกิน 100,000 บาท โทษฐานก่อความรำคาญ
2. การส่งเมล์ ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ข่าวลือที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย การส่งภาพลามกอนาจาร
ทั้งหลาย รวมถึงการได้รับแล้วส่งต่อด้วย มีโทษเสมอกันคือ จ าคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
ดังนั้นจึงไม่ควรส่งต่อเมล์ที่ไม่เหมาะสม
3. การตัดต่อภาพของคนอื่น แล้วน าเข้าเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ทำให้เจ้าของภาพเสียหายอับ
อาย ต้องโทษจ าคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 600, 000 บาท แต่กฎหมายยกเว้นสำหรับผู้ที่ท าด้วยความ
สุจริต จะไม่เป็ นความผิด
4. การ ใช้ user name/password ของผู้อื่น Log in เข้าสู่ระบบ มีความผิดตามมาตรา 5 ปรับไม่
เกิน 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ดังนั้น ไม่ควรใช้ user/password ของผู้อื่นและไม่ควรให้ผู้อื่นล่วงรู้
password ของตนเอง
5. การโพสต์ข้อความตามกระทู้ต่างๆที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม เป็นเท็จกระทบความมั่นคงหรือ
ลามกอนาจาร มีความผิดตามมาตรา 14 ปรับไม่เกิน 100,000 บาท จ าคุกไม่เกิน 5 ปี ดังนั้นจึงควรใช้
วิจารณญาณในการแสดงความคิดเห็น และค านึงถึงผลที่จะตามมา
สังคมสารสนเทศเป็นสังคมใหม่ การอยู่ร่วมกันในสังคมสารสนเทศ จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ เพื่อการ อยู่ร่วมกันโดยสันติและสงบสุข เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ทุกวันนี้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาท ในชีวิตประจำวันมีการใช้คอมพิวเตอร์ และระบบสื่อสารกันมาก ขณะเดียวกันก็มีผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในทางที่ไม่ถูก ไม่ควร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ และเมื่อมีกฎหมายแล้ว ผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจะปฏิเสธ ความผิดว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้
☆ กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทยเริ่มวันที่ 15 ธันวาคม 2541 โดยคณะ กรรมการ
เทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ (กทสช) ได้ท าการศึกษาและยกร่างกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน6 ฉบับ (ดูทั้งหมดคลิ๊กที่นี่)
☆ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ผ่านการเห็นชอบจาก
สภานิติบัญญัติ การลงพระปรมาภิไธย และการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อ 18 มิถุนายน
พ.ศ. 2550 และจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 เป็ นต้นไป ดังนั้นผู้ใช้คอมพิวเตอร์
อินเทอร์เน็ตโดยทั่วไป ผู้ให้บริการ ซึ่งรวมไปถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เปิดบริการอินเทอร์เน็ตให้แก่ผู้อื่นหรือ
กลุ่มพนักงานนักศึกษาในองค์กร ควรทราบถึงรายละเอียดของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิด
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 โดยประเทศไทยได้มีการบังคับใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
☆ อาชญากรรมคอมพิวเตอร์
ความหมายของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ มี 2 ประการ ได้แก่
1. การกระทำใด ๆ ก็ตาม ที่เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันทำให้เหยื่อได้รับความเสียหาย และทำให้ผู้กระทำได้รับผลตอบแทน
2. การกระทำผิดกฎหมายใด ๆ ซึ่งจะต้องใช้ความรู้เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ มาประกอบการกระผิด และต้องใช้ผู้มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์ ในการสืบสวน ติดตาม รวบรวมหลักฐาน เพื่อการด าเนินคดี จับกุม
อาชญากรคอมพิวเตอร์จะก่ออาชญากรรมหลายรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกจัดออกเป็ น 9 ประเภท (ตามข้อมูลคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจร่างกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์)
1. การขโมยข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งรวมถึงการขโมยประโยชน์ในการลักลอบใช้บริการ
2. อาชญากรนำเอาระบบการสื่อสารมาปกปิดความผิดของตนเอง
3. การละเมิดสิทธิ์ปลอมแปรงรูปแบบ เลียนแบบระบบซอฟต์แวร์โดยมิชอบ
4. ใช้คอมพิวเตอร์แพร่ภาพ เสียง ลามก อนาจาร และข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
5. ใช้คอมพิวเตอร์ฟอกเงิน
6. อันธพาลทางคอมพิวเตอร์ที่เช้าไปก่อกวน ทำลายระบบสาธารณูปโภค เช่น ระบบจ่ายน้ำจ่าย
ไฟ ระบบการจราจร
7. หลอกลวงให้ร่วมค้าขายหรือลงทุนปลอม
8. แทรกแซงข้อมูลแล้วนำข้อมูลนั้นมาเป็นระโยชน์ต่อตนโดยมิชอบ เช่น ลักลอบค้นหารหัสบัตร
เครดิตของผู้อื่นมาใช้ ดักข้อมูลทางการค้าเพื่อเอาผลประโยชน์นั้นเป็นของตน
9. ใช้คอมพิวเตอร์แอบโอนเงินบัญชีผู้อื่นเข้าบัญชีตัวเอง
◣◥ กรณีศึกษาอาชญากรรมและกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
█████ โหลดโปรแกรมหรือเพลงทางอินเทอร์เน็ตผิดกฎหมายหรือเปล่า? ████
การ Download โปรแกรมทางอินเทอร์เน็ตมาใช้งานแบบถูกต้องตามกฎหมายโดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ ก็ตอ่ เมื่อโปรแกรมที่ผ้ใช้ Download มาใช้นั้น ถูกระบุว่าเป็ นประเภท Freeware, Shareware สำหรับการโหลดเพลงทางอินเทอร์เน็ตสามารถทำได้โดยไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หากได้รับอนญุ าตแต่โดยทั่วไปแล้วค่ายเพลงมักจะไม่อนุญาต ยกเว้นจะทำเพื่อการค้า ส่วนการ Upload เพลงขึ้นบนอินเทอร์เน็ตให้คนทวั่ ไปโหลดได้ฟรี ๆ เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นคดีอาญา
█████ ซื้อโปรแกรมลิขสิทธิ์มา copy แจกเพื่อนได้หรือเปล่า? ██████
การทำ สำเนาหรือการ copy โปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น ตามกฎหมายลิขสิทธิ์เขาเรียกว่า การทำซ้ำซึ่ง ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้กฎหมายเขาจะมีข้อยกเว้นให้การทำสำเนาโดยเจ้าของโปรแกรมมีลิขสิทธิ์ ทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่กฎหมายเขาจำกัดจ านวนสำเนาว่า ให้มีจำนวนตามสมควรเพื่อวัตถุประสงค์ในการบา รุงรักษาหรือป้องกันการสูญหาย คือทำสำเนาได้เฉพาะ backup ถ้าจะมา copy แจกเพื่อน ๆ ทัั้ง office ก็ถือว่ามีความผิดในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ
◣◥ ตัวอย่างลักษณะความผิดที่พบได้บ่อยในปัจจุบันสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต
1. การส่งเมล์ก่อกวนหรือโฆษณาขายสินค้าหรือขายบริการ ประเภทป๊อปอัพ หรือพวกส่งอีเมล์ขยะ
ที่เขาไม่ต้องการมีโทษปรับอย่างเดียวไม่เกิน 100,000 บาท โทษฐานก่อความรำคาญ
2. การส่งเมล์ ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ข่าวลือที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย การส่งภาพลามกอนาจาร
ทั้งหลาย รวมถึงการได้รับแล้วส่งต่อด้วย มีโทษเสมอกันคือ จ าคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
ดังนั้นจึงไม่ควรส่งต่อเมล์ที่ไม่เหมาะสม
3. การตัดต่อภาพของคนอื่น แล้วน าเข้าเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ทำให้เจ้าของภาพเสียหายอับ
อาย ต้องโทษจ าคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 600, 000 บาท แต่กฎหมายยกเว้นสำหรับผู้ที่ท าด้วยความ
สุจริต จะไม่เป็ นความผิด
4. การ ใช้ user name/password ของผู้อื่น Log in เข้าสู่ระบบ มีความผิดตามมาตรา 5 ปรับไม่
เกิน 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ดังนั้น ไม่ควรใช้ user/password ของผู้อื่นและไม่ควรให้ผู้อื่นล่วงรู้
password ของตนเอง
5. การโพสต์ข้อความตามกระทู้ต่างๆที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม เป็นเท็จกระทบความมั่นคงหรือ
ลามกอนาจาร มีความผิดตามมาตรา 14 ปรับไม่เกิน 100,000 บาท จ าคุกไม่เกิน 5 ปี ดังนั้นจึงควรใช้
วิจารณญาณในการแสดงความคิดเห็น และค านึงถึงผลที่จะตามมา
จาก http://www.sanpakornsarn.com/images/content/about_c.jpg